บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

นิพพานไม่มีอยู่จริง


วันนี้มาวิพากษ์วิจารณ์กันต่อ  เนื้อหาบทความของ ดร. สมบูรณ์ วัฒนะต่อไป มีดังนี้

นิพพาน

1) คำว่านิพพานแปลว่า ความดับสนิท คือภาวะที่ตัณหาซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ดับสิ้นไป ภาวะที่จิตรู้แจ้งอริยสัจ 4 ทำลายกระบวนการแห่งปฏิจจสมุปบาทลงได้เด็ดขาด

2) ภาวะที่ปราศจากความโลภ ความโกรธ ความหลง  คือภาวะจริงแท้สูงสุดหรือสิ่งสัมบูรณ์ที่บัญญัติ และตรรกใดๆ เข้าถึงไม่ได้ อยู่เหนือกิเลส กรรม และวิบาก

3) ภาวะแห่งนิพพาน คือ ภาวะที่เกิดขึ้นในบุคคลผู้ที่ทำลายกระบวนการแห่งปฏิจจสมุปบาทในตัวบุคคลนั่นเอง หรือถ้าจะกล่าวให้กระชับเข้าก็คือ กระบวนการแห่งปฏิจจสมุปบาทไม่ได้มีอำนาจบงการจิตของบุคคลนั้นได้ในทันทีที่บุคคลนั้นเข้าใจถ่องแท้ในอริยสัจทั้งสี่

4) นิพพานไม่ใช่ภาวะที่บุคคลจะต้องเดินทางไปให้ถึง หรืออยู่ภายนอกบุคคลที่เขาจะต้องออกจากสังสารวัฏที่แห่งหนึ่ง ไปสู่วิวัฏอีกแห่งหนึ่ง

ตรงนี้ ผมแบ่งย่อหน้าให้ ดร. สมบูรณ์ วัฒนะ เองเพื่อสะดวกในการวิพากษ์วิจารณ์  ดร. สมบูรณ์ วัฒนะ ฟันธงเลยว่า นิพพานไม่มี

การฟันธงของ ดร. สมบูรณ์ วัฒนะ อันนี้หนักกว่าพวกที่วิเคราะห์นิพพานเป็นนิจจัง/สุขัง/อนัตตาเสียอีก  ไปสุดกู่กว่ากันเข้าไปอีก

ขอให้ผู้อ่านทั้งหลายรู้เท่าทัน พวกพุทธวิชาการเหล่านี้  พุทธวิชาการเหล่านี้ เขียนหนังสือนั้น เขาเลือกเฉพาะข้อความที่เห็นว่า สนับสนุนความคิดของเขามาเขียน 

เนื้อหาในพระไตรปิฎกที่ตรงข้ามกับความคิดของเขา พวกเขาเหล่านั้น จะทำหลับหูหลับตาเสมือนว่า ไม่มีเนื้อหานั้นในพระไตรปิฎก

ที่ผมสามารถกล่าวว่า ทำหลับหูหลับตาเสมือนว่า เนื้อหาเหล่านั้นไม่มีในพระไตรปิฎก ก็เพราะ พุทธวิชาการเหล่านั้น “รู้” ว่า “เนื้อหา” ที่ขัดแย้งกับความคิดของตัวเขา “มีอยู่”  แต่เขาไม่เชื่อ จึงไม่กล่าวถึงเสียเลย

ผมขอยกตัวอย่างนิพพานสูตรที่ 1 ดังนี้

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต

อุทาน ปาฏลิคามิยวรรคที่ ๘ ๑. นิพพานสูตรที่ ๑

[๑๕๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมมีกถาอันปฏิสังยุตต์ด้วยนิพพาน ก็ภิกษุเหล่านั้นกระทำให้มั่น มนสิการแล้วน้อมนึกธรรมีกถาด้วยจิตทั้งปวงแล้ว เงี่ยโสตลงฟังธรรม

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย

อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้ นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ

ข้อความที่ยกไปนั่น ผู้แปลพระไตรปิฎกทุกฉบับ แปลสอดคล้องกันว่า อายตนะนิพพานมีอยู่ 

ทำไม ดร. สมบูรณ์จึงไม่ยกพระสูตรนี้ขึ้นมา แล้วอธิบายหักล้างให้ได้ว่า คณะผู้แปลพระไตรปิฎกไม่รู้กี่ชุดนั้น แปลผิด

พระสูตรนั้นควรแปลเป็นอย่างนี้ ซึ่งสรุปว่า นิพพานไม่มี 

ถ้า ดร. สมบูรณ์ทำเพียงแค่นี้ ก็เป็นข้อเขียนที่ไม่ได้มาตรฐานทางตรรกวิทยา  ในทางตรรกวิทยานั้น เราต้องเสนอหลักฐานทั้ง 2 ทาง แล้วอธิบายหักล้างให้ได้

อย่างที่ผมทำอยู่นี้ไง...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น